"เป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้ ด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์กับทีม"

"เป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้ ด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์กับทีม"

จาก "เจ๊เฉ่ง เจ๊เป๊ะ" สู่ "แม่ชี" เส้นทางการสำเหนียกตัวเอง

"ความฝันของเล็ก คือ การได้นำข้อผิดพลาดของตัวเอง มาเป็นบทเรียนให้คนอื่น ไม่ต้องมาทำพลาด แบบที่เล็กเคยพลาดไป และต้องอยู่กับความเจ็บปวดนั้นยาวนานถึง 10 ปี กว่าจะเจอทางออก"

ถ้าอดีตเจ๊เป๊ะ และเจ๊เฉ่ง แบบเล็กยังทำได้ คุณก็ต้องทำได้สิ ที่จะสร้างความสำเร็จของงาน และ ความสัมพันธ์ที่ดีกับทีม ควบคู่ไปด้วยกัน

เล็กเป็นคนนึงที่มุ่งมั่นตั้งใจกับการทำงานมาก และเน้นผลลัพธ์ในเรื่องงานมาก (result-oriented) จนเมื่อก่อนละเลย “เรื่องคน” ไปเลย และไม่เคยเข้าใจว่า เรื่องคน คืออะไร เป็นแบบนี้มากว่า 10 ปี ที่ไม่เข้าใจว่าคนอื่นรู้สึกอะไร ต้องการอะไร เขาทำงานกับเรา เขาสบายดีมั้ย เขายังสนุกกับงานมั้ย เมื่อก่อนไม่มี sense รับรู้เรื่องเหล่านี้เลย วัน ๆ คิดแต่เรื่องงานต้องได้ผลลัพธ์ งานต้องสำเร็จตามเป้าหมาย ไม่เคยเข้าใจเรื่อง "การบริหารคน" ซักกะนิด

เล็ก focus แต่ตัวเอง เล็ก focus แต่งาน หรือ เป้าหมาย ที่ต้องการทำให้สำเร็จ ทำให้ละเลยเรื่องคน เรื่องทีม โดยไม่รู้ตัว และ กลายเป็นคนที่ยึดตัวเองเป็น “ศูนย์กลางของโลก”

เมื่อก่อน เล็กเคยมีฉายาว่า “เจ๊เป๊ะ” และ “เจ๊เฉ่ง” (เป็นฉายาที่ครอบครัวตั้งให้ค่ะ คนนอกไม่มีใครเคยรู้ แต่ครอบครัวของเล็ก คือคนใกล้ชิด ที่มักเห็นพฤติกรรม การเฉ่ง ความเป๊ะ และ ความเยอะ ของเล็กเสมอ)

“เจ๊เป๊ะ” คือ เป็นพวก perfectionist ชอบความสมบูรณ์แบบ มีความเยอะ งานละเอียดเว่อร์ จู้จี้จุกจิก แล้วพออะไรไม่ได้ดังใจ ก็จะมีอาการเหวี่ยง วีน เลยได้ฉายาที่ 2 ตามมา คือ “เจ๊เฉ่ง”


เล็กมีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งในเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว

ถ้าคุณรู้จักเล็กมานานแล้ว คุณอาจจะรู้สึก หรือไม่รู้สึกก็ได้นะ เพราะมันก็ขึ้นกับบทบาทหน้าที่ และความใกล้ชิดที่เราได้ร่วมงานกันด้วยค่ะ


เวลาที่เล็กโฟกัสงานมาก ๆ เล็กจะละเลยความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ลืมสนใจว่าใครจะรู้สึกยังไงบ้าง กับสิ่งที่เล็กพูด หรือแสดงออก ทำให้มันกระทบความสัมพันธ์โดยเล็กไม่ทันรู้ตัว ทั้งความสัมพันธ์กับน้องในทีม เพื่อนร่วมงาน และความสัมพันธ์ในชีวิตส่วนตัวด้วย

แล้วเล็กก็ไม่มีความสุข แม้งานจะสำเร็จ แต่เรามีปัญหากับคน และชีวิตเราไม่รู้จักคำว่า “balance” เล็กไม่เข้าใจคนอื่น แล้วเล็กก็ไม่เข้าใจตัวเอง

จนวันนึง ที่เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต!

ทำให้เล็กกลับมาตระหนัก

ว่า "ฉันคือตัวปัญหา" !!!

เล็กได้พบว่า เล็กต้องใส่ใจ "เรื่องคน" มากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างผลลัพธ์ของงาน

เล็กเริ่มศึกษา พัฒนาตัวเอง ทำความเข้าใจตัวเอง และเข้าใจคนรอบตัวมากขึ้น ฝึกฟังคนอื่น ทำความเข้าใจความรู้สึก และความต้องการของคนอื่น เรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น ฝึกการตั้งคำถาม
สร้างการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจในการทำงานให้ทีม แทนที่จะออกคำสั่งอย่างเดียว

ฝึกรู้ทันอารมณ์/ความรู้สึก/ความคิด ของตัวเอง ลดการตัดสิน หรือมีอคติกับคนอื่น ฝึกที่จะเมตตาคนอื่นมากขึ้น ฝึกสติ ฝึกจิตใจตัวเองให้มั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น พยายามเข้าใจความแตกต่างของคน ปรับตัวเข้าหาคนอื่นมากขึ้น

ฝึกเยอะมากกก ฝึกมากว่า 5 ปี

ประหนึ่งเข้าโรงยิมมหาโหด

หรือโรงเรียนดัดสันดาน


นี่เราคงนิสัยเสียมากสินะ ถึงต้องมาเรียนรู้ และฝึกหนักขนาดนี้ แต่สวรรค์ก็ยังเข้าข้างเล็กบ้าง เมื่อเล็กทุ่มเทขนาดนี้ เลยได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ในที่สุด เล็กก็สามารถทำงานร่วมกับทีม และคนอื่นๆได้อย่างมีความสุขมากขึ้น :) ส่งผลให้ผลลัพธ์การทำงานดีขึ้นกว่าเดิมอีก จนหัวหน้าถึงกับเอ่ยปากชม รวมถึงน้องในทีม และเพื่อนร่วมทีม ผู้เห็นเล็กใน version before และ after ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมเล็กเช่นกัน

อันที่จริงเขาไม่ได้ชมอะไรเว่อวังมากหรอก เพียงแต่เขาเหล่านั้น เคยเป็นผู้รับเคราะห์กรรม ในสมัยที่เล็กเป็นคนที่ทำงานแบบดุดัน จริงจัง เคร่งเครียด และไม่ค่อยได้สนใจใครมากนัก

เมื่อเล็กตาสว่าง และเปลี่ยนวิธีการทำงาน

คนอื่นย่อมสัมผัสได้เป็นธรรมดา ยังเป็นโชคดีของทีมนี้ ที่เล็กยังกลับตัวกลับใจได้ทัน ส่วนทีมอื่นที่เล็กร่วมงานด้วย ก่อนหน้าเล็กจะตาสว่าง บอกได้คำเดียวว่า “พัง” งานสำเร็จนะ แต่พังเรื่องคน

เล็กจูนไม่ติดกับคนที่แตกต่างจากเล็ก เพราะเล็กไม่รู้ว่าต้องทำยังไง และเมื่อมีความไม่พอใจ หรือความขัดแย้งเกิดขึ้น เล็กก็จัดการไม่ได้อีก

บางครั้ง...เล็กก็รู้สึกเหงา และโดดเดี่ยว โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้สาเหตุ เพราะเล็กไม่ค่อยได้สนิทกับใครมากนัก


แน่ละสิ.. คนที่เอาแต่มุดหัวทำงาน ไม่ค่อยสนใจใคร จะสนิทกับใครมากนักล่ะ (เล็กก็สนิทกับแค่บางคนที่คลิกกัน คนที่เข้าใจและยอมรับข้อเสียของเล็กได้)


รวมถึงเล็กไม่สามารถสร้างบรรยากาศการทำงานให้ทีมรู้สึกสนุก หรือมีแรงจูงใจในการทำงานได้ เมื่อก่อนเล็กทำเรื่องเหล่านี้ ได้ไม่ค่อยดีเลยค่ะ เพราะตอนนั้นเล็กไม่มี sense เรื่องเหล่านี้เลย เล็กมัวแต่มุดหัวทำงานอยู่ไงล่ะ เล็กรู้สึกคุยกับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่เข้าใจคนอื่น คล้าย ๆ เหมือนเล็กเป็นหุ่นยนต์ที่เอาแต่ทำงาน เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องความรู้สึก และจิตใจใครมากนัก

ใครที่เพิ่งมารู้จักเล็กในช่วง 5 ปีหลัง

ที่เล็กเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ เขาจะไม่รู้เลยว่าเล็กผ่านสมรภูมิความเจ็บปวดอะไรมาบ้าง

เขาคิดว่าเล็กเป็นคนใจดี มีเมตตา สดใสร่าเริง มองโลกบวก เป็นผู้ฟังที่ดี เป็นที่ปรึกษาที่ดี ให้กำลังใจเก่ง เชื่อใจได้ พึ่งพาได้

เล็กไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกนะคะ อย่างที่เล่าไปข้างบน เล็กต้องผ่านความเจ็บปวดมากมาย และฝึกหนักมาก กว่าจะทำตัวให้ดีขึ้นได้

ถ้าคนธรรมดาอย่างเล็กยังทำได้

คุณก็ทำได้เหมือนกัน

เชื่อมั้ยคะ ว่าเล็กถึงกับได้ฉายาใหม่ว่า “แม่ชี” เลยนะ !


ที่บ้านตั้งฉายาให้อีกตามเคย เขาคงเห็นช่วงหลังมานี้ เล็กไม่ได้เฉ่งใครแบบเมื่อก่อน งี่เง่าน้อยลง กลายเป็นคนละคน หันมาสนใจฟังธรรม ฝึกสติ-สมาธิ และไปวัดบ่อยมั้งคะ ที่บ้านเลยแซวเล็กว่า

"เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เฉ่งใครแล้ว เดี๋ยวนี้เป็นแม่ชี" 55555 :D
ครอบครัวของเล็กคือผู้เห็นวิวัฒนาการของเล็กตั้งแต่เด็กยันโตเลยค่ะ

แถมชีวิตเล็กเหมือนโดนโชคชะตากลั่นแกล้ง ไม่รู้นรก หรือ สวรรค์ มอบ mission มา ว่าแกห่วยเรื่องนี้ใช่มั้ย งั้นแกเอางานนี้ไปทำซะ เพื่อที่แกจะได้ดัดสันดานตัวเอง แล้วถ้าแกเปลี่ยนตัวเองได้แล้ว ก็จงไปรับใช้ leader คนอื่นด้วย


งานที่เล็กทำในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ก็คือการเป็น consult ให้กับ leader ในเรื่องการสร้างทีมนี่แหละค่ะ ช่วย support ให้ leader สามารถสร้าง trust กับลูกทีมได้มากขึ้น ปรับวิธีการสื่อสารให้มีความเข้าใจต่อกัน ทำให้ทีมมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น มี ownership ในงานของตัวเอง สามารถคิดแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น

แล้วทั้งหมดนี้ ก็ทำเพื่อให้ทีมสร้างผลงานได้ดีขึ้นแบบทวีคูณ เรียกได้ว่าสำเร็จทั้งเรื่องงาน และเรื่องคน (หัวหน้า และลูกทีมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย)

ใช้วิธีการอะไรยังไงบ้างล่ะ ถ้าอยากรู้แล้ว กดอ่านต่อเลยค่ะ

© 2022 Life Leklek

All Rights Reserved. Site design by Life Leklek.