"Positive Change เริ่มได้ที่ตัวเรา"
ครั้งหนึ่ง ที่เล็กเคยเป็นโค้ชส่วนตัว ให้กับ Manager ท่านหนึ่ง เล็กได้มีโอกาสเข้าไป observe การพูดคุยกันระหว่างหัวหน้า-ลูกน้องคู่นี้ คุณรู้มั้ยคะว่ามันเป็นยังไง
เอ่อ...บรรยากาศมันเย็นยะเยือกยังไงชอบกลค่ะ
ก็แหม..คุณพี่ Manager นั่งกอดอก คิ้วขมวด แล้วก็ถามคำถามไล่ต้อนน้อง พอน้องตอบมาไม่ตรงใจ คุณพี่ก็สีหน้าเปลี่ยน น้ำเสียงเปลี่ยน
โอวมายก๊อด! ขนาดเราไม่ใช่ลูกน้อง ยังแอบสยอง กลัวตามไปด้วยเลยค่ะ ส่วนฟากลูกน้องเป็นยังไงน่ะหรอคะ ก็นั่งหัวหดสิคะ เงียบเป็นใบ้กินเลยค่ะ พูดแค่ “ค่ะ ๆ ได้ค่ะ”
พอจบ session วันนั้น หน้าที่ของเล็กคือ การเป็นกระจกสะท้อนให้ Manager ค่ะ ว่าเล็ก observe เห็นอะไร แล้วมีคำแนะนำอะไรบ้าง เพื่อจะช่วยปรับให้การพูดคุยสื่อสารดีขึ้น พี่กับน้องคุยกันรู้เรื่อง ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
คุณผู้อ่านคิดว่า เล็กจะบอก Manager ท่านนั้นว่ายังไงละคะ
หน้าที่ของเล็ก เล็กก็ต้องบอกความจริงที่เล็กเห็นนะสิคะ ไม่งั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ยังไงล่ะ เล็กไม่อวยนะ เล็กต้องสร้างผลลัพธ์การทำงานที่ดีขึ้นให้กับทีมนี้ค่ะ
เล็กเลยบอกพี่เขาไปตามตรงว่า “พี่คะ บรรยากาศมันค่อนข้างอึมครึมค่ะ ลูกน้องของพี่ เขาเงียบมากเลยนะคะ ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ เขาดูกลัว ๆ พี่ด้วยนะคะ ขนาดเล็กไม่ใช่ลูกน้อง เล็กยังกลัวเลยค่ะ” Manager ท่านนั้นหัวเราะก๊าก เลยค่ะ “มันขนาดนั้นเลยหรอเล็ก”
หลังจากนั้น เล็กจึงได้บอกให้พี่เขารู้ว่า เป็นเพราะสีหน้าของพี่เขาที่เคร่งเครียด ขมวดคิ้ว จริงจัง แถมนั่งกอดอกอีกตะหาก น้ำเสียงก็จริงจัง ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย คำถามที่ถามก็มีแต่คำถามปลายปิด เลยแทบไม่เปิดโอกาสให้น้องได้พูดแสดงความเห็นเลย
หลังจากนั้น Session ถัดมา เล็กจึงได้สังเกตเห็นบรรยากาศการพูดคุยที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อ Manager ไม่นั่งกอดอกแล้ว :D น้ำเสียงดูอ่อนโยนขึ้น สีหน้าผ่อนคลายกว่าครั้งที่แล้ว ไม่เคร่งเครียดแบบเก่า ใช้คำถามปลายเปิดให้น้องได้พูดแสดงความเห็นมากขึ้น
ฟากน้อง ก็ได้พูดแสดงความเห็นมากขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอรู้สึกว่าพี่น่ากลัวน้อยลง จึงกล้าพูดแสดงความเห็นมากขึ้น กล้าเล่าปัญหา หรือความกังวลในงานมากขึ้น
หลังจากที่เล็กประกบทีมนี้อยู่ช่วงนึง ค่อย ๆ เป็นกระจกสะท้อนบอกพี่ Manager ว่าจะสามารถปรับอะไรได้บ้าง นอกจากเรื่องภาษากาย สีหน้า ท่าทาง การแสดงออก น้ำเสียง การใช้คำถามปลายเปิด-ปลายปิด นอกจากนี้แล้ว ควรทำอะไรอีกบ้าง
ในที่สุด ทีมนี้ก็ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น บรรยากาศการทำงานในทีมผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก น้องคนอื่น ๆ ในทีม ก็กล้าเข้าหาหัวหน้ามากขึ้นเช่นเดียวกัน จนตอนหลัง น้องกล้าที่จะมาเล่าให้ฟังด้วยว่าทำอะไรพลาดไป ไม่ซุกไว้ใต้พรมแบบเมื่อก่อน เพราะกลัวหัวหน้าดุ ทำให้ช่วยกันหาวิธีแก้ไขได้ทันก่อนเรื่องจะบานปลาย
และยิ่งไปกว่านั้น ถึงขั้น upgrade มาคุยกันถึงแผนป้องกันล่วงหน้า ก่อนปัญหาจะเกิดเสียอีก เรียกได้ว่า ทำงานร่วมกันแบบ happy มากขึ้น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ในทีมและผลลัพธ์การทำงานที่ดีขึ้น จากการที่ Manager ยอมเปิดใจ รับ feedback จากเล็ก และเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เล็กคิดว่า ก็คุ้มแล้ว ที่เล็กได้เคยผิดพลาดมาก่อน แล้วได้นำบทเรียนของตัวเอง มาสร้างประโยชน์ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้คนอื่น เขาจะได้ ได้ทางออกที่เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลางมเอง ลองผิดลองถูกเอง แบบที่เล็กเคยเผชิญมาก่อน
© 2022 Life Leklek
All Rights Reserved. Site design by Life Leklek.