"เมื่อยอมรับความจริง จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น"

"เมื่อยอมรับความจริง จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น"

Skill ขั้นเทพของการบริหารคนให้ "พัง"

(โปรดอย่าทำแบบนี้กับทีมของคุณ)

ต้องเรียนคุณผู้อ่านตามตรง ว่าการเป็นผู้นำนั้น เราไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่เรามีทีม มีคนหลายคนที่เราต้องดูแล

หากปราศจากทีมแล้ว เราไม่สามารถทำงานแบบลุยเดี่ยวคนเดียวได้ ดังนั้น "คน คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ที่ผู้นำต้องดูแลให้ดี"

ต่อให้โลกจะเปลี่ยนไปเท่าไร AI จะฉลาดแค่ไหน หากคุณยังมีลูกทีมที่เป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ คุณก็ยังต้องทำงานกับมนุษย์ที่มีจิตใจ มีความรู้สึก ดังนั้น การดูแลขวัญกำลังใจของคน ทำให้เขามีแรงจูงใจอยากทำงาน มีความสุขในการทำงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อคนทำงาน มีความสุข ผลลัพธ์ของงานก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ทีนี้เรามาลองสำรวจตัวเองกัน ว่าตอนนี้การบริหารคน ณ ปัจจุบันของเราเป็นอย่างไรบ้าง สุ่มเสี่ยงต่อการบริหารคนให้พังหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน

คำแนะนำก่อนอ่านบทความ

1. เนื้อหาด้านล่างนี้อาจมีความตรงไปตรงมา จุดประสงค์เพียงต้องการเป็นกระจกสะท้อน ให้คุณได้มองเห็นตัวเอง ได้สำรวจตัวเอง และสามารถแก้ไขได้ทัน ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

2. เนื้อหาด้านล่างนี้ เล็กใช้ความกล้าหาญอย่างมาก ที่จะเขียนออกมา เพราะรู้ว่ามันอาจตรง จนแทงใจคุณผู้อ่าน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ แต่อยากให้รู้ว่า ทั้งหมดนี้ เล็กพิมพ์ขึ้นมาด้วยความหวังดี และจริงใจค่ะ

3. เล็กคิดว่าเนื้อหาด้านล่างนี้ น่าจะเหมาะกับคนที่ตรงไปตรงมา ชอบให้พูดตรง ๆ ต้องการรู้จุดอ่อนของตัวเองเกี่ยวกับการบริหารคน และต้องการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว แต่อาจไม่เหมาะกับคนที่ sensitive หรือยังไม่พร้อมรับ feedback ณ ตอนนี้นะคะ

เพราะฉะนั้น เล็กอยากให้คุณพิจารณาก่อน ว่าคุณจะอ่านต่อมั้ย หรือหากคุณยังไม่พร้อม เล็กก็อยากขอให้คุณไปอ่านบทความอื่นในเว็บนี้แทน หรือไปอ่านบทความของคนอื่นที่คุณรู้สึกคลิกมากกว่าเล็ก ก็น่าจะเหมาะกับคุณมากกว่านะคะ :)

คุณจะไม่สามารถหาอ่านบทความที่ตรงขนาดนี้ ได้จากที่ไหนอีกแล้ว

แม้แต่ลูกน้อง หรือลูกทีม ของคุณก็อาจไม่กล้าที่จะบอกคุณตรง ๆ ค่ะ แต่มันจะน่าเสียใจ และน่าเสียดายมาก ที่คนเก่งอย่างคุณ ต้องทำบางอย่างพลาดซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัวเอง ไปอีกนานแค่ไหน และมันจะฉุดรั้งไม่ให้คุณมีความสุข ไม่ให้คุณเติบโตก้าวหน้าในแบบที่แท้จริงแล้ว คุณมีศักยภาพมากมาย ที่จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จมากกว่าเดิม


การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมจะช่วยลดความเครียดในชีวิตคุณ และทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ทั้งในการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ชีวิตคุณจะสมดุลย์มากขึ้น :)


เล็กพูดแบบนี้ เพราะเล็กเคยพลาดมาก่อน เล็กเคยเจ็บปวดมาก่อน นานเป็น 10 ปี และเล็กไม่อยากให้ใครต้องมาพลาด และเจ็บปวดแบบเล็กค่ะ ซึ่งหากคุณผู้อ่านจะไม่ชอบ หรือ รับไม่ได้กับความตรงของเล็ก เล็กก็เข้าใจ และยอมรับได้ แต่ข่าวดีคือ...


หากคุณซื่อสัตย์กับตัวเอง และอ่านบทความนี้ ด้วยใจที่เป็นกลาง กล้าหาญในการยอมรับความจริง ยอมรับตัวเอง ความมหัศจรรย์ของชีวิตจะเกิดขึ้นกับคุณค่ะ

และเล็กจะบอกคุณว่า คุณไม่ได้เจ็บปวดคนเดียวแน่นอน เล็กเคยเป็นมาก่อน เล็กเข้าใจความเจ็บปวดนี้ดี รวมถึง leader ท่านอื่นที่เล็กเคย support ก็เคยเจ็บปวดเหมือนกัน และกล้าที่จะยอมรับความจริง แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง


ด้านล่างต่อไปนี้ คือ checklist ให้คุณได้ลองสำรวจตัวเองค่ะ


คุณพร้อมสำรวจตัวเองแล้ว หรือยังคะ


ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

Skill ขั้นเทพของการบริหารคนให้ "พัง"

1. สนใจแต่งาน มุดหัวทำแต่งาน

2. ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง ใครเป็นไง ช่างเขา ไม่ใช่เรื่องเรา

3. ไม่ต้องสนใจลูกน้อง ทุกข์สุขเป็นไง ช่างเขา ไม่ใช่เรื่องเรา

4. กดดันลูกน้องเยอะ ๆ ให้น้องทำงานให้เราดี ๆ เราอยากได้อะไร ต้องได้ น้องต้องทำให้เรา ตามที่เราต้องการทั้งหมด

5. ไม่ต้องคุยเล่นกับลูกน้อง ไม่ต้องคุยเรื่องส่วนตัวใด ๆ กับน้องด้วย คุยงานอย่างเดียว

6. ไม่ต้องฟังน้อง ไม่ต้องขอความเห็นใด ๆ จากน้อง

7. พูดแทรก พูดตัดบท ไม่ต้องฟังน้องให้จบประโยคหรอก เพราะฉันรู้ว่าน้องจะพูดอะไร ขี้เกียจฟังให้เสียเวลา พูดแทรก พูดตัดบท เลยแล้วกัน ทำบ่อย ๆ ทำเป็นประจำด้วย

8. เวลาฟังน้องพูดอะไร ให้คิดในหัวเลย ว่าเราจะสวนกลับยังไง จะตอบอะไรกลับไป

9. ตัดสินน้องไปเลย ไม่ว่าน้องจะทำอะไร เช่น น้องไม่เก่ง, น้องไม่ ok, น้องทำไม่ได้, น้องไม่ตั้งใจ, น้องห่วย, น้องคิดลบ, น้องไม่มีศักยภาพ, น้องไม่มีความสามารถ, น้องคิดเองไม่เป็น เป็นต้น

10. ไม่ต้องพัฒนาน้องให้เก่งขึ้น ใช้งานอย่างเดียวพอ

11. เวลาน้องเงียบ หรือแสดงท่าที อึดอัด ไม่พอใจ ไม่โอเค เครียด หรือ เศร้า ก็ไม่ต้องสนใจน้อง ปล่อยเขาไป ไม่ใช่เรื่องเรา

12. ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ที่ไร้จิตใจ ไร้ความรู้สึก เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียว ไม่ต้องแสดงออกซึ่งความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจใดๆ ไม่ต้องพยายามเข้าใจความคิด ความรู้สึกอะไรของน้องทั้งนั้น

13. เมื่อมีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน ขัดแย้งกัน หรือรู้สึกไม่ดีต่อกัน ไม่ต้องเคลียร์ให้เข้าใจกันหรอก ไม่ต้องพยายามสื่อสาร หรือปรับความเข้าใจกับน้อง ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ เก็บสะสมความไม่พอใจต่อกันไปเรื่อยๆ และให้มันกลายเป็นสงครามเย็นในที่ทำงาน ไปในที่สุด

14. ใช้คำพูดทิ่มแทงใจคนอื่น พูดตรงๆไง ก็เราเป็นคนแบบนี้ ไม่ต้องปรับตัวใดๆ คนอื่นสิต้องปรับเข้าหาเรา "เพราะข้าคือศูนย์กลางของโลกใบนี้"

15. นอกจากคำพูดแล้ว ก็ให้แสดงออกทางน้ำเสียง และสีหน้า ท่าทางด้วย โดยเฉพาะเวลาเครียด ไม่พอใจ ให้แผ่รังสีอำมหิตออกมาเยอะๆเลย ปล่อยระเบิดลงใส่ลูกน้องได้ยิ่งดี เอาให้ลูกน้องตัวแข็งเลยนะ

16. ถ้าไม่พอใจใคร ให้แสดงออกเลย ทั้งสีหน้า น้ำเสียง คำพูด อาจพีคได้ถึงขั้นเหวี่ยงวีนกลางหน่วยงาน กลางวง ที่ประชุม ออฟฟิศ ทำเอาห้องเงียบกริบ จนเสียงแอร์ดัง หรือวงแตกเลยทีเดียว

17. อย่าชมน้อง เพราะเดี๋ยวน้องจะเหลิง

18. ไม่ต้องพูด "ขอบคุณ" น้อง เพราะนั่นมันหน้าที่ ที่น้องต้องทำอยู่แล้ว ไม่ต้องไปขอบคุณเขาหรอก

19. ไม่ต้องพูด "ขอโทษ" เพราะเราเป็นหัวหน้า เราไม่เคยผิด หรือถ้าเราผิด ก็ทำเนียนๆปล่อยเลยผ่านไปเงียบๆ อย่าพูดขอโทษ เดี๋ยวเสียฟอร์ม

20. สั่งให้น้องทำตามที่เราบอกอย่างเดียว เพราะเราเคยทำแบบนี้แล้วสำเร็จมาก่อน ทำตามความคิดเห็นเรานั่นแหละ ดีที่สุด ไม่ต้องให้น้องมีส่วนร่วม ในการออกความเห็นใดๆ

21. Micromanage จู้จี้จุกจิก in every detail ไม่ปล่อยให้น้องได้มีพื้นที่อิสระในการทำงานของตัวเอง นิดนึงก็ไม่ได้ ไม่ยอมปล่อยผ่าน ไม่หยวนเลยซักกะเรื่อง สร้างความอึดอัด รำคาญใจให้ลูกน้องอย่างมาก ว่าจะเยอะ จะเป๊ะ จะ perfect ไปถึงไหน เรื่องบางเรื่องถึงแก้ไป ก็ไม่ได้ทำให้ผลประกอบการดีขึ้น หรือลูกค้าพอใจมากขึ้น แล้วจะเสียเวลาแก้เพื่อ?

22. ไม่เคยบอกเป้าหมาย/ความคาดหวัง /scopeงาน กับน้องให้ชัด ปล่อยให้น้องต้องมโนเอาเอง หรือ คิดว่าน้องจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

23. ให้ feedback แค่ปีละ 1-2 ครั้ง ตามรอบประเมินผลงาน น้อยเกินไปมั้ยคะ ต้องทำงานด้วยกันทุกวัน แต่ไม่ยอมคุยกันเรื่อย ๆ แล้วจะคาดหวังให้น้องพัฒนาตัวเอง พัฒนางานให้ดีกว่านี้ แล้วทำไมเราไม่รีบบอกน้องละคะ ไปบอกเอากลางปี หรือปลายปี แล้วน้องจะปรับปรุง แก้ไข ทันได้ยังไงล่ะคะ

24. ทำผิดศีลธรรม ไม่ซื่อสัตย์ คดโกง ไม่โปร่งใส: คุณคือผู้นำที่ทุกคนมองอยู่ เป็นตัวอย่างที่คนอื่นจะเดินตาม ไม่ว่าคุณจะมีลูกทีมเพียง 1-2 คน หรือกี่คนก็ตาม นี่คือจริยธรรมขั้นพื้นฐาน ถ้าข้อนี้คุณทำไม่ได้ คุณไม่มีทางได้รับความไว้วางใจจากใคร ระยะยาวงานของคุณ และทีมของคุณจะพังนะคะ เล็กเอาข้อนี้ไว้สุดท้าย เพราะนี่คือ พื้นฐานที่สำคัญที่สุด ที่ผู้นำทุกคนต้องมีค่ะ

เอาประมาณนี้ก่อนนะคะ 24 ข้อพอ

ที่ลิสมาข้างบนนี้ มาจากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีใน field นี้ รวมถึงเล็กเองก็เคยมีพฤติกรรมหลายข้อตามในลิสด้านบนนี้นะคะ แล้วมันนานมากถึง 10 ปี กว่าเล็กจะรู้ตัว ว่าเล็กเป็นตัวปัญหาค่ะ

ซึ่งตอนนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าเล็กทำได้ทั้งหมด ไม่ขาดตกบกพร่องนะคะ เล็กเองก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงตัวเองเหมือนกันอีกหลายอย่างค่ะ

ถ้าคุณรู้จักเล็กมานานแล้ว คุณอาจเคยมีประสบการณ์กับเล็ก แบบในลิสด้านบนบางข้อ หรือไม่เคยมี ก็ถูกทั้งนั้นค่ะ เพราะเล็กก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดเวลา กับทุกคน, บางคนก็ยอมรับข้อเสียของเล็กได้ ไม่ได้ถือสา หรืออาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ , บางคนก็คลิกกับสิ่งที่เล็กเป็น หรือบางคนที่สไตล์การทำงานคนละแบบกับเล็กเลย แล้วทำงานใกล้ชิดกันมาก ก็อาจอึดอัด กับข้อเสียบางอย่างของเล็ก

เล็กคิดว่าต่างคนก็ต่างมุมมอง เพียงแต่เล็กมองเห็นและยอมรับข้อเสียของตัวเองแล้ว และพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ


ทีนี้ย้อนกลับมาที่ตัวคุณเอง


คุณได้ทบทวนตัวเอง ผ่านลิส 24 ข้อแล้วเป็นยังไงบ้างคะ

เล็กทำให้คุณรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า ที่เล็กพูดตรงขนาดนี้ หากเป็นอย่างนั้น ก็ขออภัยในความตรงด้วยนะคะ ถ้าคุณรับไม่ได้กับความตรงของเล็ก ขอให้คุณปิดหน้าเว็บนี้ไปเลยนะคะ เพราะเล็กคงไม่ match กับคุณ เล็กอาจไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะ support คุณ และเล็กไม่อยากทำให้คุณรู้สึกไม่ดีมากไปกว่านี้ค่ะ


แต่หากคุณรับได้ และพร้อมจะไปต่อ เล็กมีข่าวดีจะบอกคุณค่ะ

ข่าวดีคือ ตอนนี้คุณได้มาถึง step สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

คุณรู้มั้ยคะ การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เริ่มต้นจากอะไร ?

เริ่มต้นจากการตระหนักในตัวเองค่ะ ว่าเราคือส่วนหนึ่งของปัญหา เลิกชี้ออกนอกตัว มันคือการยอมรับตัวเอง ยอมรับความจริง และกล้าเผชิญหน้า เพื่อแก้ปัญหา และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ

เพราะเราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ไม่มีใครอยากทำไม่ดีหรอก เราแค่คุ้นเคยกับการทำสิ่งเดิม ๆ และไม่รู้ว่า ที่ดีกว่านั้นเป็นยังไงต่างหาก

ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงเป็นตัวเองใน version ที่ดีกว่าเดิม เราจะมาเดินทางกันต่อนะคะ

งั้นคุณลองตอบคำถามนี้ดูค่ะ ว่าจาก 24 ข้อข้างต้น


- คุณมีกี่ข้อคะ?

- และข้อไหน คือ สิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องการ focus ทำให้ดีขึ้นเป็นเรื่องแรก?


เป็นยังไงบ้างคะ หลังจากที่ได้อ่าน ส่องกระจกสำรวจตัวเองแล้ว

ไม่ว่าคุณจะมีกี่ข้อ นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่า ถ้าเรายังทำพฤติกรรมเหล่านี้ไปเรื่อยๆแล้ว ระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อขวัญกำลังใจของทีมงานเป็นแน่ค่ะ

แล้วถ้าคุณไม่อยากบริหารคนให้พัง ต้องทำไงละทีนี้ “ฉันอยากบริหารคนให้ได้งาน ให้ทีม happy ด้วย ต้องทำยังไง”

© 2022 Life Leklek

All Rights Reserved. Site design by Life Leklek.