"Master ในอารมณ์ และ ความคิด ของตัวเอง ช่วยให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับทีม แล้วผลงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม จะตามมา"

"Master ในอารมณ์ และ ความคิด ของตัวเอง ช่วยให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับทีม แล้วผลงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม จะตามมา"

ในการทำงาน บางครั้งมันก็อาจมีสิ่งที่ขัดใจเราบ้าง ไม่ได้ดังใจ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งมันก็อาจทำให้เราเกิดความไม่พอใจ ความเครียด โกรธ ของขึ้น ฯลฯ ก็แล้วแต่ level ของอารมณ์ที่ปะทุขึ้นในตอนนั้น และอยู่ที่ความสามารถของเราในการบริหารจัดการอารมณ์ตัวเองค่ะ


ต่อไปนี้ คือ สัญญาณของอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นจากความไม่พอใจ ที่เกิดขึ้นในตัวเรา ซึ่งหากเรารู้ไม่ทันตัวเอง และปล่อยให้ความไม่พอใจค่อย ๆ หนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจเผลอแผ่รังสีอำมหิตออกมาโดยไม่รู้ตัวค่ะ


ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกทีม ที่ทำงานใกล้ชิดกับเรา เขาจะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตนี้ไปด้วย และหวาดหวั่นที่จะเข้ามาคุยกับหัวหน้า


ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ หรือทำงานกับคนพลังลบหรอกค่ะ ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้คนที่มีพลังบวกทั้งนั้น


เมื่อลูกน้องเริ่มสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต เขาจะรู้สึกหวาดหวั่น เกรงกลัวหัวหน้า ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอก ว่าน้องกำลังรู้สึกว่า...


"ที่นี่ไม่ปลอดภัยเพียงพอที่ฉันจะพูดสิ่งที่ฉันคิด หรือรู้สึก ได้อย่างสบายใจ"

หากเกิดความคิด ความรู้สึก แบบนี้ขึ้นในใจของลูกน้อง เขาย่อมไม่กล้าเสนอความคิดเห็น หรือ ทางแก้ไขปัญหา ซ้ำร้าย อาจถึงขั้นปกปิด ซุกปัญหาไว้ใต้พรมด้วยค่ะ แล้วพอเรื่องมันแดงขึ้นมา ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่จนแก้ไขได้ยากเลยทีเดียว


ถ้าคุณต้องการให้ลูกทีม ทำงานอย่างกระตือรือร้น มีความสุขกับงาน มีผลลัพธ์การทำงานที่ดี เราไม่ควรปล่อยให้รังสีอำมหิตเกิดขึ้น แล้วแผ่ไปหาลูกน้อง เราต้อง master ในการบริหารจัดการอารมณ์ และความคิดของเราค่ะ

หรือ ถ้าเราลืมตัว เผลอแสดงออก หรือพูดอะไรไม่เหมาะสมออกไป เราต้องรีบรู้ตัวให้เร็ว แล้วรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้มันบานปลายค่ะ

เรามาดูกันว่า 5 level การแผ่รังสีอำมหิต มีอะไรบ้าง แล้วมาลองสำรวจตัวเองกัน เพื่อเราจะได้ระวัง ไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเราค่ะ

level 1 เงียบ นิ่ง

ไม่พอใจ แต่เงียบ ไม่พูด ความเงียบและหน้านิ่งกว่าปกติ ไม่แสดงออก จนคนอื่นเดาไม่ถูก กลายเป็นรังสีอำมหิตอ่อนๆ ทำให้คนเริ่มเกร็งๆ กลัวๆเล็กน้อย เพราะเดาความคิด ความรู้สึกเราไม่ออก แต่ก็ยังไม่ส่งผลอะไรมาก หากคุณเป็นไม่บ่อย

แต่หากคุณเป็นบ่อยๆ มันจะค่อยๆสร้างกำแพงระหว่างคุณและคนอื่นขึ้นมา โดยที่คุณไม่รู้ตัว ซึ่งในที่สุดแล้ว ทำให้ไม่เปิดใจพูดคุยสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา คนอื่นรู้สึกว่าคุณเป็นคนเข้าถึงยาก เข้าไม่ถึง หรือถ้าเลวร้ายที่สุด อาจพัฒนากลายเป็นสงครามเย็นในการทำงานได้ โดยที่คุณอาจไม่ตั้งใจ หรือไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้


level 2 หน้าหงิก

เริ่มหน้าหงิก หน้างอ หน้าเครียด บึ้งตึง คิ้วขมวด หน้าเหวี่ยง มองบน เบะปาก ไม่พอใจ แสดงออกทางสีหน้าชัดขึ้น ยังไม่พูดอะไรเท่าไหร่ เพราะยังเก็บไว้ในปากได้ แต่ดูจากหน้า จะเห็นได้ว่า ไม่โอเคนะ


level 3 หลุดปาก

นอกจากสีหน้าเปลี่ยนแล้ว เริ่มมีคำพูดบางคำหลุดออกมา เสียดสี ประชดประชัน ทิ่มแทงผู้ฟัง เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่น้ำเสียงอาจยังไม่ดุดันมากนัก เพราะยังพยายามเก็บอารมณ์ไว้อยู่


level 4 พร้อมชน

ทั้งสีหน้าเปลี่ยน มองหน้าหาเรื่อง พร้อมปะทะ พร้อมชน มีคำพูดที่แสดงถึงความไม่พอใจ และน้ำเสียงเปลี่ยนด้วย น้ำเสียงเริ่มเหวี่ยนวีน แข็งกระด้าง ไม่พอใจมากขึ้น


level 5 ระเบิดลง

ขั้นสุด ปรี๊ดแตก ระเบิดลง อาจถึงขั้นทำเอาบรรยากาศประชุมเงียบกริบ จนเสียงแอร์ดัง หลังจากนั้น วงแตกแยกย้าย ตัวใครตัวมัน แล้วค่อยไปจับคู่ จับกลุ่ม เม้ามอย ซุบซิบนินทาแทน หรือเข้าไปเม้ามอยในไลน์กรุปที่ไม่มีหัวหน้า


สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อทีม และการทำงาน หากคุณไม่ต้องการเป็นแบบนี้ จะทำอย่างไรดี

© 2022 Life Leklek

All Rights Reserved. Site design by Life Leklek.